โดยทั่วไปแล้ว ผู้กู้ร่วมในนามบริษัท ย่อมต้องรับผิดชอบร่วมกันต่อหนี้สินที่เกิดขึ้นภายใต้สัญญากู้ยืมเงินนั้น โดยไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อให้เกิดหนี้สินนั้นหรือไม่
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 291 บัญญัติว่า “ถ้าบุคคลหลายคนจะต้องทำการชำระหนี้โดยทำนองซึ่งแต่ละคนจำต้องชำระหนี้สิ้นเชิงไซร้ แม้ถึงว่าเจ้าหนี้ชอบที่จะได้รับการชำระหนี้สิ้นเชิงได้แต่เพียงครั้งเดียว (กล่าวคือลูกหนี้ร่วมกัน) ก็ดี เจ้าหนี้จะเรียกชำระหนี้จากลูกหนี้แต่คนใดคนหนึ่งสิ้นเชิงหรือแต่โดยส่วนก็ได้ตามแต่จะเลือกแต่ลูกหนี้ทั้งปวงก็ยังคงต้องผูกพันอยู่ทั่วทุกคนจนกว่าหนี้นั้นจะได้ชำระเสร็จสิ้นเชิง”
ดังนั้น หากบริษัทผู้กู้เบี้ยวหนี้ เจ้าหนี้ย่อมสามารถฟ้องร้องผู้กู้ร่วมทุกคนต่อศาลเพื่อบังคับให้ชำระหนี้ได้เต็มจำนวน โดยผู้กู้ร่วมไม่สามารถอ้างได้ว่าตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อให้เกิดหนี้สินนั้น
อย่างไรก็ตาม ผู้กู้ร่วมอาจมีข้อยกเว้นในการไม่ต้องรับผิดชอบต่อหนี้สินนั้น เช่น หากผู้กู้ร่วมสามารถพิสูจน์ได้ว่าตนไม่ได้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้ยืมเงิน หรือหากผู้กู้ร่วมสามารถพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้กระทำการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดหนี้สินนั้น เป็นต้น
ในกรณีนี้ หากผู้กู้ร่วมถูกฟ้องร้องแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรึกษาทนายความเพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสม เนื่องจากรายละเอียดของคดีอาจแตกต่างกันไปในแต่ละกรณี