อาการปวดก้นกบสามารถทำกายภาพบำบัดเพื่อบรรเทาอาการได้ แต่หากทำกายภาพบำบัดแล้วอาการยังไม่หาย อาจเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้
- สาเหตุของอาการปวดก้นกบยังไม่ได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
หากอาการปวดก้นกบเกิดจากสาเหตุที่รุนแรง เช่น กระดูกก้นกบหัก กระดูกก้นกบเคลื่อน หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท การทำกายภาพบำบัดอาจไม่สามารถรักษาอาการให้หายได้ จำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์อย่างถูกต้องเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวดก้นกบ
- ผู้ป่วยไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด
การทำกายภาพบำบัดจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ป่วยในการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดอย่างเคร่งครัด หากผู้ป่วยไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ อาจทำให้การรักษาไม่มีประสิทธิภาพ
- ผู้ป่วยมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดก้นกบร่วมกับภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น โรคเกาต์ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เป็นต้น หากผู้ป่วยมีภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ อาจทำให้การรักษาอาการปวดก้นกบไม่มีประสิทธิภาพ
หากทำกายภาพบำบัดแล้วอาการปวดก้นกบยังไม่หาย ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดเพื่อหาสาเหตุและแนวทางการรักษาที่เหมาะสมเพิ่มเติม
แนวทางการรักษาอาการปวดก้นกบที่อาจพิจารณาเพิ่มเติม ได้แก่
- การฉีดยา
การฉีดยาเข้าบริเวณที่มีอาการปวด อาจช่วยลดอาการปวดและอักเสบได้ ยาที่นิยมใช้ ได้แก่ ยาสเตียรอยด์ ยาชาเฉพาะที่
- การผ่าตัด
การผ่าตัดอาจพิจารณาในกรณีที่อาการปวดก้นกบรุนแรง รักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล หรือเกิดจากสาเหตุที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ได้ การผ่าตัดรักษาอาการปวดก้นกบมีหลายวิธี เช่น การผ่าตัดเสริมกระดูกก้นกบ การผ่าตัดรักษากระดูกก้นกบหัก การผ่าตัดรักษากระดูกก้นกบเคลื่อน การผ่าตัดรักษาหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เป็นต้น
นอกจากการรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์แล้ว ผู้ป่วยควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อช่วยลดอาการปวดก้นกบ ได้แก่
- ลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- หลีกเลี่ยงการนั่งหรือยืนเป็นเวลานาน
- ใช้เก้าอี้หรือเบาะที่รองรับหลังได้ดี
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ